Ultherapy,Ulthera เชื่อว่าหลายๆคนคงเคยได้ยินนวัตกรรม ultherapy หรือ ที่เราเรียกกันสั้นๆว่า “ulthera/ อัลเทร่า” กันมาบ้างแล้ว
นวัตกรรม ulthra นี้มีมานานหลายสิบปีแล้วค่ะ และจนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นที่นิยมกันในวงการแพทย์ความงามอยู่
ultherapy คือ การใช้คลื่นเสียงแบบจำเพาะ หรือ focused ultrasound ส่งผ่านชั้นผิวหนังลงไปเพื่อช่วยให้ผิวยกกระชับมากขึ้น
จุดเด่นที่ทำให้ ultherapy นี้ยังคงอยู่และเป็นที่ยอมรับมาจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะสามารถเลือกแก้ปัญหาที่ชั้นผิวในแต่ละส่วนได้ตามที่ต้องการ
และมีประสิทธิภาพในการช่วยยกกระชับผิวได้จริง Ultherapy,Ulthera นอกจากนี้ยังให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและเป็นที่น่าพึงพอใจ
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2557 ช่วงก่อนที่เก๋จะตัดสินใจทำ Ultherapy นั้น
เก๋มีโอกาสได้พูดคุยส่วนตัวกับ Dr. Paul Jarrod Frank แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามชื่อดังของ New York เมื่อครั้งที่คุณหมอเดินทางมาเมืองไทย
ตอนนั้นก็ได้ถามถึงความแตกต่างของการทำ Thermage, Exilis และ Ulthera
ณหมอบอกว่าถ้าไม่นำเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษามาเป็นตัวตัดสิน …
สิ่งที่ทำแล้วให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คือ Ulthera เพราะสามารถลงลึกได้ถึงชั้นกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวยกกระชับได้มากกว่าและมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า
ส่วนการทำ Thermage นั้นเป็นจะอยู่บนชั้นที่ตื้นขึ้นมา ค่อนข้างเหมาะกับคนที่มีเนื้อค่อนข้างเยอะ
ฉะนั้น Thermage อาจจะไม่ตอบโจทย์สำหรับคนที่มี volume ของผิวหน้าที่น้อยอย่างเก๋
ในส่วนของ Exilis นั้นก็มีประสิทธิภาพดีแต่ให้ผลลัพธ์ได้ไม่มากเท่า Ulthera และ Thermage
พอได้ฟังความรู้ต่างๆจากคุณหมอก็เลยตัดสินใจได้ไม่ยากว่าจะทำ Ultherapy นี่แหละ ชัวร์สุด!
สำหรับตัวเก๋นั้นได้ลองทำ ultherapy ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ซึ่งครั้งแรกทำไปเมื่อช่วงกลางปี 2557
เหตุผลที่ตัดสินใจทำก็เพราะว่าเริ่มรู้สึกได้ถึงความไม่กระชับของผิวบริเวณแก้มและแนวขากรรไกร
ซึ่งช่วงปี 2555/2556 เก๋เคยลองทำ eMatrix มาแล้วก็ค่อนข้างชอบนะคะ
เพราะผิวดูยกกระชับขึ้นจริง เพียงแต่ว่าผลลัพธ์นั้นอยู่ได้ไม่นาน และต้องทำซ้ำทุกๆเดือน
แต่ในขณะที่ ultherapy นั้นสามารถทำเพียง 1 ครั้งและให้ผลลัพธ์ได้เป็นปีก็ดูจะน่าสนใจมากกว่า
… eMatrix นั้นเป็นคลื่นวิทยุ (RF) ในขณะที่ ulthera นั้นเป็นคลื่นเสียง (ultrasound) …
ฉะนั้นการทำงาน และการกระจายตัวของคลื่นในชั้นผิวจะแตกต่างกัน
ส่งผลให้ผลลัพธ์ที่ได้แตกต่างกันไปด้วยUltherapy,Ulthera